หลายสัญญาณเตือนก่อนที่จะคุณเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทถือว่าเป็นอาการที่มีความอันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นอาการที่สามารถพบได้กับทุกเพศตั้งแต่วัยทำงานขึ้นไปโดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน คนทำงานแบกหาม และอีกหลายๆ ปัจจัย ซึ่งอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนั้นจะค่อยๆ แสดงออกมาให้คนที่เป็นได้สัมผัสมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่อาการปวดหลังธรรมดาแต่ถ้าหากไม่รีบรักษาอาการปวดหลังที่ว่านี้สามารถลุกลามถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เหมือนกัน

สัญญาณเตือนอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเกิดจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลังมีสาเหตุจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอายุของคนที่มากขึ้น ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การทำงานที่ต้องอยู่ท่าเดียวนานๆ การทำงานแบกหาม การสูบบุหรี่จัด รวมไปถึงเรื่องของอุบัติเหตุที่กระดูกสันหลังได้รับการกระทบกระเทือนบ่อยครั้ง ส่งผลให้กระดูกสันหลังเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น การเสื่อมของโครงกระดูกสันหลังส่งผลให้เกิดการทรุดตัวของโครงสร้างกระดูก จะเกิดกระดูกสันหลังงอก หรือเป็นหินปูนขึ้นมา ซึ่งปกติแล้วเวลาที่กระดูกงอกขึ้นมาร่างกายจะไม่ได้แสดงอาการอะไรแต่ถ้าหากกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทก็จะมีอาการปวดร้าวตามเส้นประสาทของร่างกาย อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทให้สังเกตตัวเองว่าถ้ามีความรู้สึกปวดหลังแบบเป็นๆ หายๆ ด้วยระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป รวมไปถึงบางรายมีอาการปวดขาร้าวตั้งแต่สะโพกลงไปที่น่องจนถึงเท้า จะปวดมากๆ เวลาเดินทำให้ต้องหยุดพัก นอกจากนี้ยังอาจมีอาการปวดหลังลามลงมาที่ขาดข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างก็ได้ หากพบว่าตัวเองมีอาการดังกล่าวนี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยโรคพร้อมกับเข้ารับการรักษาทันทีหากปล่อยเอาไว้อาจเกิดอันตรายถึงขั้นพิการเลยก็ได้เช่นกัน

บางคนอาจคิดว่าการรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เบื้องต้นเมื่อแพทย์ตรวจอาการแล้วเป็นไม่หนักมากจะมีการจ่ายยาแก้ปวดร่วมกับยาอักเสบเพื่อลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและเอ็น จะช่วยให้อาการปวดหลังทุเลาลงนอกจากนี้แพทย์จะแนะนำให้มีการทำกายภาพบำบัดร่วมกับการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลให้เกิดอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไม่ว่าจะเป็นการเลิกทำกิจกรรมท่าเดียวนานๆ เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ การเลิกยกของหนักหรือเลิกการแบกหามของที่เกินกำลัง แต่ถ้าหากว่าผู้ป่วยคนไหนมีอาการรุนแรงมากก็อาจจำเป็นต้องผ่าตัดไม่อย่างนั้นจะส่งผลร้ายต่อชีวิตได้อย่างแน่นอน การดูแลร่างกายตัวเองให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะคงไม่มีใครอยากเข้าห้องผ่าตัดอย่างแน่นอน